ผมคิดว่าลำดับขั้นของอาการแพนิค น่าจะมีการพัฒนาการตามลำดับขั้นประมาณนี้ เริ่มจาก อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง กลัวและกังวลต่อเนื่องเป็นเวลานาน คิดโทษตัวเอง คิดว่าตัวเองไร้ค่าเป็นประจำ
ปล่อยใจวิตกกังวลอนาคต หรือคิดเสียดายอดีตบ่อยๆ ใจก็จะเริ่มซัดส่าย ไม่มีสมาธิ การงานเริ่มมีปัญหา ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไม่ดี จากนั้นก็อดคิดเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นที่ดูประสบความสำเร็จกว่าไม่ได้ เมื่อสะสมอารมณ์ลบเหล่านี้เป็นประจำ อาการแพนิคอ่อนๆ ก็จะเริ่มมา คือใจมันจะเริ่มสั่นๆ สำหรับผมจำได้ว่า มีอาการเตือนเริ่มต้นเมื่อ3-4 ปีที่แล้ว เมื่อไปตรวจร่างกายโดยละเอียด ไม่พบอะไรผิดปกติ
ความโกรธที่สะสาง บรรเทาไม่ได้ จะส่งผลมากกับสภาพจิตใจ ไม่ดีเลยที่จะเก็บกดอารมณ์โกรธเอาไว้ ผมไม่ค่อยยอมรับว่าตนเองโกรธเพราะจะรู้สึกผิดที่จะโกรธ
เมื่อสะสมอารมณ์ที่เป็นพิษมาเรื่อยๆ พอมีเหตุการณ์ตึงเครียดมากระทบ จะหวั่นไหวง่ายขึ้นเรื่อยๆ กล้ามเนื้อเกร็งเป็นประจำ หายใจสั้นๆ เป็นนิสัย แล้วเราพยายามมากๆ ไปแก้ไขอารมณ์ลบแบบผิดวิธี กดทับบังคับอารมณ์ ใช้วิธีหนีหรือสู้กับอารมณ์ลบ หากคนใกล้ชิดไม่เข้าใจในโรคนี้ อาจถูกตัดสินในทางลบ ทำให้แก้ไขอารมณ์ลบแบบผิดๆ เราก็ยิ่งยึดติดกับรูปแบบอารมณ์ลบมากขึ้นเรื่อยๆ จนสลัดไม่หลุด เมื่อมีสิ่งเร้าที่ไม่คุ้นชิน ก็จะกลายเป็นอาการแพนิคได้โดยง่าย ทำให้ไม่กล้าเผชิญกับโลกภายนอก ทำให้เตรียมตัวมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ที่จะออกไปเผชิญสถานที่หรือสถาณการณ์ที่ไม่คุ้นชิน
หากอยู่ในสถานการณ์ที่เคยเป็นแพนิคมาแล้ว ระบบประสาทก็จะจำรูปแบบการมีอาการแพนิคเอาไว้ พร้อมที่จะมีอาการได้เสมอๆ ระบบการตอบสนองของร่างกายและใจก็จะเริ่มรวน อาการแพนิคก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีอาการยาวนานขึ้น เป็นบ่อยขึ้น แต่ทั้งนี้คุณไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียวนะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ ปัญหาอยู่ตรงไหน ทางออกก็อยู่ตรงนั้นแหละครับ ค่อยๆ ฝึกสังเกต ฝีกฝนตนเองให้ตอบสนอง เผชิญหน้ากับความเครียดให้ถูกต้องกันนะครับ