รูปแบบความคิดเชิงลบนี้ หากคิดและเชื่อเป็นนิสัย สามารถส่งผล ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวได้
1.มีความเชื่อตามสังคมส่วนใหญ่ว่า ชีวิตที่ประสบความสำเร็จหรือชีวิตที่ดีควรเป็นอย่างไร โดยที่ไม่ได้ตระหนักว่าชีวิตในแบบนั้น เหมาะสมกับตนเองจริงๆ จึงทำให้เปรียบเทียบชีวิตของตนกับผู้อื่น โดยไม่รู้ตัว และมีความรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือพร่องเสมอ
2. คิดอยากได้ อยากมี อยากเป็นเกินกำลังตน เพราะคิดว่าตนเองไม่ดีพอ รวมถึงการโหยหาการยอมรับจากผู้อื่น เพื่อมาเติมเต็มความพร่องของตน
3. คิดยึดติดความทรงจำมากเกินไป ฝังใจกับคำพูดหรือเหตุการณ์สะเทือนใจ ให้อภัยตนเองหรือผู้อื่นไม่ได้
4. คิดวนเวียนอยู่นาน ก่อนการลงมือทำ หรือเมื่อทำสิ่งใดไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่ กลับมาคิดทวนอีก
5. คิดหมกมุ่นในการพัฒนาตนเองโดยมีแรงจูงใจเพราะความกลัวเป็นส่วนใหญ่ กลัวว่าไม่ดีพอ ไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่ได้มีแรงจูงใจทางบวกเพื่อความมั่นใจ ความภาคภูมิใจ หรือความสำเร็จในตนเอง
เมื่อรู้เท่าทันอารมณ์ตนเองไม่เร็วพอ และไม่ยังชำนาญในการปรับความคิด และพฤติกรรม ทำให้ชะลอความคิด หยุดพฤติกรรมตนเองไม่ได้ ตกร่องอารมณ์ลบเดิมบ่อยๆ ก็จะทำให้เคยชินเป็นนิสัย ปมในใจก็ค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนไม่สามารถสลัดออกได้ เมื่อสะสมยาวนานมาในระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเกิดเป็นอาการวิตกกังวลรุนแรงหรือแพนิคได้ อาการแพนิคนี้เป็นเหมือนความเมตตาอันดุดัน จากระบบประสาทอัตโนมัติกำลังบอกเราว่า เราควรจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ในชีวิต ออกจากชีวิตที่ถูกคุมขังไว้นานแสนนาน ดำเนินชีวิตในแบบของตนเองจริงๆ