ในหลายๆ ครั้ง ความพยายามลดขนาดยาไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะว่า รีบร้อนเกินไป มีคุณหมอท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า อาการของคุณไม่หายหรอก ถ้าจะหาย มันน่าจะหายไปนานแล้ว คุณควรรับประทานยาไปตลอดชีวิต
ในอดีตผมใช้วิธีทำสมาธิ ออกกำลังกาย และในช่วงปี 2568 ผมได้เริ่มผนวกกับการทำจิตบำบัดเปลี่ยนมุมมองความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) ควบคู่กับการรับประทานยาตอนเช้าและก่อนนอน
อันที่จริงผมเคยลดยาลงไปถึงขนาดเม็ดยาที่น้อยที่สุดเท่าที่จะแบ่งได้สำเร็จเป็นเวลาสัก 1 เดือนได้ แต่ก็มีเหตุให้อาการกลับหวนมาเป็นอีก และต้องเพิ่มขนาดยาขึ้น ทำให้เสียกำลังใจไปหลายครั้งหลายหน คิดโทษตัวเอง ด้อยค่าตัวเอง
คุณหมอท่านหนึ่งบอกเสมอๆว่า เราพลาดได้เสมอ อนุญาติให้ตัวเองได้เรียนรู้ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ละครั้งล้วนเป็นบทเรียนอันล้ำค่า ช่วยให้เราเติบโตและแข็งแรงขึ้น สติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รู้เนื้อรู้ตัวเสมอว่าสัญญาณอ่อนๆ ของแพนิคกำลังมาแล้วนะ ผมให้ชื่อเล่นอาการแพนิคว่าพี่ดำ ค่อยๆ บอกกับตัวเองว่า ยอมรับพี่ดำเขาอย่างเต็มใจที่สุด มานั่งคุยกันก่อน ไม่ขับไล่พี่ดำไป ทำกับพี่ดำเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
ผมเองเคยสังเกตและตอบสนองกับอาการแพนิคอย่างนุ่มนวลอยู่ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงขณะอยู่ที่ร้านอาหารตามลำพัง โดยที่ไม่ทานยาลดอาการเข้าไปในทันที แต่ได้ใช้เทคนิควิธีการ เขียนบันทึกความรู้สึกและความคิด เคลื่อนไหวร่างกายแบบนุ่มนวล หายใจสบายๆ คุยกับคนรอบข้างแบบธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แผ่เมตตาให้ตนเองและผู้อื่นไปเรื่อยๆ จนใจสบายและอาการสงบลงเอง ซึ่งเป็นความภูมิใจอันหนึ่งที่ได้ผ่านพ้นอาการแพนิคไปได้