20 เมษายน 2568 ผมตัดสินใจเขียนเรื่องประสบการณ์เผชิญหน้ากับ ปัญหาความวิตกกังวลเรื้อรัง และค่อยๆ กลายเป็นอาการแพนิค ตื่นตระหนกเฉียบพลัน กลัวว่าตนเองจะเป็นอันตรายจากโรคร้ายหรือภัยอื่นๆ ทำให้เป็นปัญหาต่อการดำเนินชีวิตประจำวันพอสมควร เพราะอาการแพนิค สามารถเกิดได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ที่บ้าน ที่ทำงาน ขณะขับรถ อยู่บนเครื่องบิน ขณะออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เวลาก่อนการจัดการประชุมสำคัญ หรือในยามที่ต้องการผ่อนคลายโดยกำลังถูกนวดบำบัด แม้กระทั่งกำลังนอนอยู่ในเวลากลางคืน อาการแพนิคก็สามารถมาเยี่ยมเยียนได้
ผมจึงปรารถนาที่จะบอกกล่าวอาการแพนิค ให้ความรู้ความเข้าใจ แนะแนวทางบรรเทา เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้เผชิญปัญหาเอง และบุคคลใกล้ชิด จะได้มีความเข้าใจ สามารถอยู่ร่วมด้วยได้อย่างไม่ลำบาก และช่วยแก้ไขอาการแพนิคของผู้ป่วยให้เบาบางลงได้ และที่สำคัญผู้ป่วย ได้ตระหนักว่า เขาไม่ได้เป็นผู้ที่แปลกประหลาดเผชิญปัญหานี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่จำเป็นต้องเก้อเขินหรือรู้สึกอาย ยังมีอีกหลายคนรวมบนโลกที่เผชิญปัญหานี้
อาการแพนิคแบ่งตามอาการที่เกิดเป็นประเภทตามประสบการณ์จริงของผมดังนี้ครับ
อาการทางกาย
มือเท้าเย็น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจตื้น ติดขัด กล้ามเนื้อ คอบ่าไหล่เกร็ง ปากแห้ง ระคายเคืองตา และรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย หากเป็นมากขึ้น มือเท้าจะชา และมืออาจเกร็งเป็นจีบได้
อาการที่สมองคิด
อยากหนีออกจากสถาณการณ์ปัจจุบันให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายที่แท้จริง คิดตำหนิตนเอง จินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายว่ากำลังจะเกิดขึ้น เช่น หัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ
อาการทางความรู้สึกทางใจ
ไม่ชอบความรู้สึกนี้ อยากผลักออกอย่างรุนแรง โกรธตัวเอง อยากรีบให้อาการแพนิคหายเร็วที่สุด
อาการทางพฤติกรรม
ร่างกายกระสับกระส่าย หาที่ยึดเกาะ เตรียมโทรศัพท์หาใครสักคน ร่างกายจะเกร็งไม่กล้าเคลื่อนไหว ต้องการไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
หากไม่มีโคลนตม คงไม่มีดอกบัว ปัญหาอยู่ที่ไหน ทางออกก็อยู่ตรงนั้น ผมพอที่จะแชร์ความรู้และประสบการณ์ที่น่าช่วยบรรเทาปัญหาแพนิคได้ครับ แต่ต้องขอบอกว่าผมยังคงเป็นผู้อยู่บนเส้นทางการรักษา ผมเชื่อว่าแต่ละคนจะมีแนวทางการบรรเทารักษาอาการในแบบฉบับของตนเอง ผมขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ หากบทความของผมมีประโยชน์และเป็นบุญกุศลกับผู้อื่น ผมขออุทิศให้กับคุณแม่ของผมที่ล่วงลับไปแล้ว